email:info@marichplan.com
mobile:0987594559

แหล่งรวม ข่าวสาร ความรู้ แนวคิด
เกี่ยวกับการวางแผนชีวิต
วางแผนการเงิน

คุณพร้อม จากไป อย่างสวยงามแล้วหรือยัง ?

นี่คือหัวข้อที่ผมอยากชวนคุณคุยในวันนี้ครับ ตั้งแต่เมื่อเราลืมตาดูโลกขึ้นมา ทุกๆ คน บนโลกนี้ ไม่มีใครสามารถบอกได้เลย ว่าตัวเองจะได้อยู่บนโลกนี้ถึงตอนไหน เราอาจจะจากไปจากความแก่ชราตามอายุขัย จากไปกระทันหันจากอุบัติเหตุ หรือจากไปจากโรคภัยต่างๆ แล้วแบบไหน คือ การจากไปอย่างสวยงาม ? สำหรับผม การจากไปโดยที่ไม่สร้างความเดือนร้อน ความขัดแย้ง หรือปัญหาใดๆ ให้กับคนที่ยังอยู่ นั่นคือการจากไปอย่างสวยงามครับ ซึ่งเราทุกคนสามารถจากไปอย่างสวยงามได้ ด้วย การวางแผนมรดก (ที่ดี) เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เลย หลายท่านอาจจะคิดว่า เราไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี ไม่ได้มีมรดกมากมาย ไม่มีอะไรให้วางแผนหรอก ผมขอแยกเป็น 2 ประเด็น ให้คุณลองคิดตามดูนะครับ 1. คนที่คุณต้องส่งเสีย เลี้ยงดู จะเป็นอย่างไร ถ้าในปัจจุบันนี้ คุณมีคนที่ต้องส่งเสีย เลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ คู่สมรส ลูกของคุณ หรือญาติพี่น้อง น้องหมา น้องแมว ทั้งหลาย หากคุณไม่อยู่แล้ว พวกเขามีความสามารถที่จะหารายได้ เลี้ยงดูตนเองได้หรือไม่ หรือ คุณได้เตรียมเงิน หรือทรัพย์สินต่างๆ หรือทำประกันชีวิตไว้...

ภาษีรอบตัวเรา

ภาษี อยู่รอบตัวเราจริงๆ ค่ะ ตลอดชีวิตพลเมืองไทยของเรา พวกเราทุกคนต้องเสียภาษีกันอยู่ทุกวันค่ะ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม วันนี้เลยขออนุญาตมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพรวมๆ ของภาษีที่มีโอกาสได้วนเวียนมาเกี่ยวข้องในชีวิตเรากันค่ะ ด้วยความที่ภาษีมีหลายประเภท มีหลักการเรียกเก็บไม่เหมือนกัน บางครั้งเราก็ไม่รู้ ว่าการทำสิ่งนี้ มีสิ่งนี้ มันต้องเสียภาษีด้วย ทำให้กลายเป็นเราไม่ได้เสียภาษี หรือเสียไม่ถูกต้อง โดนเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ต้องเสียเงินหนักเพิ่มขึ้นไปอีก รู้จักกับภาษีกันไว้ก่อน ทำให้ถูกต้องก่อนตั้งแต่ต้น ดีที่สุดค่าา เริ่มต้นจาก ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax : PIT) เมื่อเราเป็นบุคคลธรรมดา ทำมาหากิน มีรายได้ เราจะต้องเสีย “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” (Personal Income Tax : PIT) ที่พวกเรายื่น ภงด.90/91 กันตอนต้นปีทุกปีนั่นแหละค่าา และถ้าเรามีรายได้บางประเภทตามที่กำหนดไว้ 40(5)-40(8) เราต้องยื่นเสียภาษีตั้งแต่ตอนกลางปีด้วย (กุ๋งกิ๋งเมาท์ไปในตอน No83) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax : VAT) ถ้าเรามีรายได้จากการทำการค้าขาย หรือให้บริการต่างๆ...

No64 : Asset Allocation

เพราะไม่มีสินทรัพย์ใดที่จะให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุดตลอดเวลา ถ้าเราเทียบกันระหว่างการลงทุนใน ตราสารหนี้ระยะสั้น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นในตลาด (SET) ตามในรูปนะคะ สินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อย แบบตราสารหนี้ระยะสั้น หรือพันธบัตรรัฐบาล ก็จะมีอัตราผลตอบแทนน่ารักๆ ขึ้นช้าๆ ชิวๆ แต่ก็ขึ้นนะ ไปเรื่อยๆ ส่วนตลาดหุ้นไทย บางปีพี่ก็ + ไปเกือบ 50% แต่บางปีพี่ก็ติดลบรุนแรงเช่นกัน ถ้าเราลงทุนแบบไม่กล้าเสี่ยงเลย ผลตอบแทนที่ได้ มันอาจจะต่ำเกินไป จนแพ้เงินเฟ้อ แต่ถ้าเราลงแต่หุ้น 100% ลองจิตนาการดูนะคะ ว่าถ้าเราเพิ่งจะเริ่มลงทุน เอาเงินใส่ไป 100,000 แล้วตอนปลายปี เหลือเงินอยู่แค่ 52,000 หลายๆ คนเลยชอบเปรียบเทียบว่า เหมือนการเอาไข่ใส่ในตระกร้า ถ้าเราเอาไข่ทั้งหมดของเราใส่ตระกร้าเดียวกัน ตกทีก็แตกหมด Asset Allocation ก็เหมือนการกระจายเอาไข่ใส่ไว้หลายๆ ตระกร้า หรือถ้าเราเทียบการลงทุนเราเหมือนกับการทำนา ทำไร่ ทำสวน ถ้าเราเลือกปลูกข้าวอย่างเดียว ปีนั้นเกิดโชคร้าย น้ำท่วม ข้าวตายหมด เราก็ไม่เหลืออะไร แต่ถ้าเราจัดเป็นไร่นาสวนผสม น้ำท่วมข้าวอาจจะตาย แต่เรายังมี กล้วย...

No62 : ปัจจัยที่ทำให้เงินเราโต

ถ้าเป็นการปลูกต้นไม้ ปัจจัยที่ทำให้ต้นไม้เราเติบโตสวยงาม ก็จะต้องมี น้ำ ดิน ใส่ปุ๋ย ให้เหมาะกับต้นที่เราปลูก มีแสงแดด อุณหภูมิ ความชื้น ความสูง ฯลฯ แล้วปัจจัยที่จะทำให้เงินเราเติบโตงอกงามหล่ะ มีอะไรบ้าง ถ้าเมล็ดพันธุ์ ของเรา คือ ปริมาณเงินต้นที่เรามี ปัจจัยที่จะทำให้เมล็ดของเรางอกเงยเป็นต้นไม้ออกดอกออกผลสวยงามได้ ก็ต้องมี “เวลา” และ “อัตราผลแทน” เวลา เราพอจะรู้ว่าเรามีเท่าไหร่ แต่ อัตราผลตอบแทน นี่ มันจะเท่าไหร่หล่ะ อัตราผลตอบแทนของการลงทุน ขึ้นอยู่กับว่าเราลงทุนในอะไรค่ะ อย่างที่พูดๆ กันว่า High Risk High Return เทียบระหว่างการเป็นเจ้าหนี้ กับการเป็นเจ้าของ ถ้าเราเป็นเจ้าหนี้ เราได้ดอกคงที่แน่นอน ไม่ว่าลูกหนี้ยืมเงินไปแล้วกิจการจะรุ่งเรืองขนาดไหนเราก็ยังได้ดอกเท่าเดิม แต่ถ้าลูกหนี้กำไรน้อย ไม่กำไร ขาดทุนเจ๊งไป ลูกหนี้ก็ยังมีหน้าที่ต้องหาตังค์มาจ่ายดอกให้เราอยู่ดี หรือถ้าแย่สุดๆ ลูกหนี้ไม่มีตังค์มาจ่าย ล้มละลายไป เราก็ยังมีสิทธิได้เงินจากทรัพย์สินที่เหลืออยู่ ฟ้องร้องกันไป ถ้าลูกหนี้ดูไว้ใจได้ เราก็อาจจะคิดดอกไม่แพง แต่ถ้าลูกหนี้ดูไม่น่าไว้ใจ ตามธรรมชาติ...

No61 : ลงทุนให้เงินงอกเงย

การลงทุน คือ การที่เราชะลอ ยังไม่ใช้เงินในวันนี้ แต่ปล่อยให้เงินนั้นได้ไปใช้ทำประโยชน์อื่นๆ ก่อน โดยคาดหวังว่าเงินที่เรายังไม่ใช้ในวันนี้ จะมีมูลค่าเติบโตเพิ่มมากขึ้นในวันข้างหน้า เงินของเราจะโตขึ้นได้ยังไง เพราะเงินเป็น 1 ใน 4 ปัจจัยการผลิต (4 ปัจจัยการผลิต = ทุน ที่ดิน แรงงาน ผู้ประกอบการ) “เงิน” จึงเป็นสิ่งที่ “เป็นที่ต้องการเสมอ” เมื่อผู้ประกอบการต้องการเงินไปใช้ในการทำธุรกิจ เค้าจะมี 2 ทางเลือก คือ แบบที่ 1 คือ ขอยืมเงินเรา เราจะ “เป็นเจ้าหนี้” ได้ดอกเบี้ยตามที่ตกลง ไม่ว่ากิจการจะดีหรือจะเจ๊ง เราไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย แต่เราจะต้องได้ดอกเบี้ยเสมอ สินค้าทางการเงินในรูปแบบที่เราเป็นเจ้าหนี้ เรียกว่า ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ ตั๋วเงิน แบบที่ 2 คือ ให้เราหุ้นด้วย ก็คือให้เราลงเงิน แล้วได้ความ “เป็นเจ้าของ” เมื่อเราเป็นเจ้าของ เราก็คาดหวังจะให้บริษัทเติบโต...